ข้อกำหนดของเฮชเอซีซีพี ในแต่ละรูปแบบของกระบวนการนั้นไม่เหมือนกัน ข้อกำหนดจะถูกหน่วยงานราชการที่กำกับดูแล รับผิดชอบในด้านวิทยาศาสตร์ 
	 
	ที่มา: https://www.caasint.com
	แนะนำเพื่อให้อ่านได้ต่อเนื่องให้ คลิกขวาเลือก Open link in new window
	 
	สนใจหนังสือ และความรู้ของผู้เขียน
	เรื่องอื่น ๆ มีทั้งโหลดได้ฟรี และราคาถูก นอกเหนือจากนี้ 
	 
	คลิก  
	 
	มีหนังสือ เครื่องมือกล (Machine tools) Vol. 1
	ทำเป็นเล่ม อีบุ๊ค เพื่อสนับสนุนเว็บไซต์
	 
	รูปหน้าปกหนังสือ
	 
	สามารถโหลดอ่านตัวอย่างก่อนซื้อได้เลยครับ ฟรี
	หากผู้อ่านสนใจคลิกที่ชื่อสำนักพิมพ์
	 
	meb          Se-ed
	 
	เฮชเอซีซีพีเป็นวิธีการเชิงรุก เพื่อความปลอดภัยของอาหาร และมีพื้นฐานบน 7 หลักการดังต่อไปนี้
	 
	1) การวิเคราะห์อันตราย ระบุอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในทุกขั้นตอนของกระบวนการผลิต โดยการประเมินโอกาสจะเกิดอันตราย และระบุมาตรในการควบคุมอันตรายเหล่านั้น
	 
	2) กำหนดจุดวิกฤติควบคุม (Critical Control Points: CCP) กำหนดจุดการปฏิบัติขั้นตอนการทำงานต่าง ๆ ซึ่งสามารถจะทำการควบคุม เพื่อกำจัดอันตรายหรือลดโอกาสการเกิดอันตราย เรียกว่าจุด CCP ขั้นตอน ซึ่งสามารถดำเนินการได้โดยการตัดสินของผู้เชี่ยวชาญหรือใช้หลักการของแผนผังการตัดสินใจ
	 
	3) กำหนดขีดจำกัดจุดวิกฤติ ควบคุมให้อยู่ภายใต้เกณฑ์ที่กำหนด เพื่อมั่นใจว่า จุด CCP อยู่ภายใต้การควบคุม ซึ่งจุด CCP หนึ่ง ๆ อาจจะมีค่าจำกัดวิกฤต (CL) เพียงค่าเดียวหรือหลายค่าก็ได้ ซึ่งในการกำหนดค่าจำกัดวิกฤตดังกล่าวจำเป็นที่จะต้องอาศัยประสบการณ์ของทีมงาน HACCP , คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ , ข้อมูลจากเอกสารทางวิทยาศาสตร์ , ข้อกำหนดและมาตรฐานอาหารต่าง ๆ หรือข้อมูลจากการทดสอบ การทดลอง
	 
	4) กำหนดขั้นตอนการติดตาม กำหนดระบบในการเฝ้าระวังจุดวิกฤต โดยการกำหนดแผนการทดสอบหรือการเฝ้าสังเกตตรวจวัดค่าต่าง ๆ ที่ต้องควบคุม และทำการประเมินว่าจุดวิกฤตที่ต้องควบคุมนั้น ๆ อยู่ภายใต้สภาวะควบคุมหรือไม่ ซึ่งวิธีการตรวจสอบนั้นอาจอาศัยหลักการการตอบคำถามเกี่ยวกับการตรวจติดตาม ดังนี้ What How When Why Where Who และ Record
	 
	5) สร้างการแก้ไข ในระหว่างการตรวจสอบและเฝ้าระวังสำหรับการปฏิบัติงานอาจเกิดกรณีที่ทำให้ค่าจำกัดวิกฤตที่ต้องควบคุมเกิดการเบี่ยงเบนได้ จำเป็นจะต้องกำหนดวิธีการแก้ไขทั้งในส่วนของกระบวนการผลิตกับผลิตภัณฑ์ โดยทีมงาน HACCP ต้องกำหนดวิธีการแก้ไขสำหรับส่วนเบี่ยงเบน โดยอาศัยแนวทางในการดำเนินงานแก้ไขดังนี้ ในส่วนของกระบวนการผลิต เช่น แจ้งผู้มีอำนาจตัดสินใจแก้ไข และในส่วนของผลิตภัณฑ์ เช่น การผลิตใหม่หรือการทำลายผลิตภัณฑ์ที่มีปัญหาทิ้ง
	 
	6) สร้างกระบวนการตรวจสอบ การทวนสอบ คือ การใช้วิธีทำ วิธีปฏิบัติงาน การทดสอบและการประเมินผลต่าง ๆ เพิ่มเติมจากการตรวจติดตามเพื่อตัดสินความสอดคล้องกับแผน HACCP ที่จัดทำขึ้น
	 
	7) สร้างขั้นตอนการเก็บบันทึก และเอกสาร เอกสารและบันทึกต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบ HACCP ควรมีระบบการจัดทำการควบคุม และการเก็บเอกสารไว้เพื่อเป็นหลักฐานยืนยัน และตรวจสอบการปฏิบัติงานว่าถูกต้องตามที่กำหนดใน HACCP PLAN หรือไม่
	 
	 
	ประโยชน์จากการใช้ระบบ HACCP
	 
	1.  เป็นระบบที่นำมาใช้ร่วมกับระบบคุณภาพอื่น ๆ ได้
	 
	2.  เป็นระบบที่นำมาใช้ในการควบคุมอันตรายจากสารเคมี สิ่งแปลกปลอมกับจุลินทรีย์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่สิ้นเปลือง
	 
	3.  เป็นระบบที่ยอมรับในระดับสากลตามมาตรฐานอาหารระหว่างประเทศว่าสามารถใช้สร้างความมั่นใจในการผลิตอาหารให้มีความปลอดภัย
	 
	4.  ช่วยป้องกันการสูญเสีย จากการที่ผลิตภัณฑ์เกิดการปนเปื้อนหรือไม่เป็นไปตามข้อกำหนด
	 
	5.  เป็นระบบที่เปลี่ยนการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้าย เป็นระบบการป้องกันปัญหาตามหลักการประกันคุณภาพ
	 
	6.  เพิ่มอายุการเก็บรักษาของผลิตภัณฑ์ สอดคล้องกับข้อกำหนดของประเทศคู่ค้า
	 
	7.  เกิดภาพพจน์ที่ดีต่อองค์กรและผลิตภัณฑ์
	 
	8.  เป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาสู่ระบบคุณภาพ ISO 9000
	 
	 
	รูปมาตรฐานไอเอสโอ 9000
	ที่มา: https://i.ytimg.com
	 
	 
	9.  ลดภาระค่าใช้จ่ายในการผลิตที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนด โดยเฉพาะคุณภาพด้านความปลอดภัย
	 
	10.     สามารถยกระดับมาตรฐานการผลิตให้กับโรงงาน โดยมีการบริหารจัดการด้านความปลอดภัยของอาหารอย่างมีระบบ
	 
	11.     เป็นระบบคุณภาพด้านความปลอดภัยของอาหารที่สามารถขอรับการรับรองได้
	 
	 
	      เมื่อรวมหลักการเหล่านี้เข้าด้วยกันแล้ว จะทำให้เกิดโครงการความปลอดภัยของอาหารที่มีความยืดหยุ่นสามารถปรับปรุงได้ตามเงื่อนไขการเปลี่ยนแปลง เป้าหมายของเฮชเอซีซีพี ก็คือ การกำจัดควบคุม และ/ หรือ ป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากอาหารในโรงงานแปรรูป โดยมีเป้าหมายสูงสุดในการปกป้องผู้บริโภค
	 
	 
	 
	 
	ข้อคิดดี ๆ ที่นำมาฝาก
	 
	 
	“ชัยชนะ จะมีค่า ก็ต่อเมื่อ
	คุณเคยสัมผัส ความพ่ายแพ้มาก่อน
	Victory is sweetest 
	when you’ve known defeat.”
	 
	Malcolm S. Forbes
	 
	<หน้าที่แล้ว                                 สารบัญ