ปัญหาที่ ๔ ข้อสงสัยของอันตกายอำมาตย์ (อันตกายปัญหา)
พระเจ้ามิลินท์ทรงพระราชดำริว่า “พระภิกษุรูปนี้มีปรีชาสามารถ พูดโต้ตอบเราได้ แต่ข้อที่เราจะต้องถามยังมีอยู่มาก วันนี้หมดเวลาเสียแล้ว อย่ากระนั้นเลยพรุ่งนี้จึงพูดกันต่อไปในวังเถิด”
เมื่อทรงพระราชดำริฉะนี้แล้ว จึงตรัสสั่งเทวมันติยอำมาตย์ ให้อาราธนาพระเถรเจ้าเข้าไปในพระราชวังในวันรุ่งขึ้น แล้วเสด็จจากราชอาสน์ ตรัสลาพระเถรเจ้า มาทรงม้าพระที่นั่งเสด็จกลับคืนเข้าสู่พระราชวัง ฝ่ายเทวมันติยะอำมาตย์ก็อาราธนาพระเถรเจ้าตามรับสั่ง
ครั้นวันรุ่งขึ้น อำมาตย์ ๔ นาย คือ เนมิตติยอำมาตย์, อันตกายอำมาตย์, มังกุรอำมาตย์ และสัพพทินนอำมาตย์ พร้อมกันเข้าไปทูลถามพระเจ้ามิลินท์ว่า “จะโปรดให้นิมนต์พระนาคเสนเข้ามาหรือยัง”
เมื่อตรัสอนุญาตแล้วจึงทูลถามว่า “จะโปรดให้มากับพระภิกษุสักกี่รูป”
ตรัสว่า “ท่านจะมากับพระภิกษุกี่รูปก็ตามใจท่านเถิด”
อำมาตย์ ๔ นายพากันไปเรียนพระเถรเจ้าตามพระราชดำรัส
ครั้นได้เวลาพระนาคเสนก็พาพระภิกษุสงฆ์เข้าไปสู่สาคลนคร ขณะเมื่อเดินไปตามทางอันตกายอำมาตย์ เข้าเดินเคียงพระนาคเสนแล้วถามขึ้นว่า คำชื่อที่เธอแสดงว่า ‘นาคเสน' นั้นอะไรเป็นนาคเสน
พระนาคเสนถามว่า “ก็ท่านเข้าใจว่ากระไรเล่า”
อ: “ข้าพเจ้าเข้าใจว่า ลมหายใจเข้าออกนั่นแหละ เป็นนาคเสน”
น: “ก็ถ้าลมนั้น ออกมาแล้วไม่กลับเข้าไปอีก หรือเข้าไปแล้วไม่กลับ ออกมาอีก คนนั้นจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกได้หรือไม่”
อ: “คนนั้นก็ตายสิท่าน”
น: “คนที่เป่าสังข์ เป่าขลุ่ยหรือเป่าเขนง ลมกลับเข้าไปอีกหรือ”
อ: “หามิได้”
น: “ก็เมื่อเป็นเช่นนั้น ไฉนเขาจึงไม่ตายเล่า”
อ: “เธอพูดจัดจ้านนัก ข้าพเจ้าไม่มีความสามารถพอที่จะพูดโต้ตอบได้ ขอเธอจงว่าให้ฟังทีเดียวเถิด”
น: “ลมหายใจเข้าออกนั้น ไม่ใช่ชีวิต เป็นเพียงแต่สิ่งสำหรับปรนเปรอร่างกายให้เป็นอยู่เท่านั้น”
อันตกายอำมาตย์ก็เลื่อมใส
จบอันตกายปัญหา
ปัญหาที่ ๕ จุดประสงค์การบวช (ปัพพชาปัญหา)
เมื่อพระนาคเสนไปถึงพระราชวัง พระเจ้ามิลินท์ก็ทรงประเคนอาหารบิณฑบาตเลี้ยงและพระราชทานผ้าไตรแก่พระสงฆ์ทั่วทุกรูปแล้ว มีพระราชดำรัสนิมนต์แต่พระนาคเสนกับพระภิกษุ ๑๐ รูปให้รออยู่ก่อน นอกนั้นให้กลับไป
แล้วจึงตรัสถามว่า “ดูก่อนพระนาคเสน นี่เราจะพูดกันถึงเรื่องอะไรดี”
พระนาคเสนทูลตอบว่า “ขอถวายพระพร การพูดกันนี้ก็มีความประสงค์อยู่แต่เนื้อความเท่านั้น เพราะฉะนั้น จงตรัสแต่โดยเนื้อความเถิด”
ม: “การบวชของเธอมีประโยชน์อย่างไรและมีอะไรเป็นคุณ
ซึ่งเธอต้องประสงค์ปรารถนาอย่างยิ่ง”
น: “การบวชมีประโยชน์ที่จะได้รู้ว่า ทำอย่างไรจึงจะดับความทุกข์
ที่มีอยู่ได้ และจะไม่ให้ความทุกข์อย่างอื่นเกิดขึ้นอีก อนุปาทานนิพพาน (การดับจนสิ้นเชื้อ) เป็นคุณซึ่งอาตมภาพต้องประสงค์อย่างยิ่ง”
ม: “บรรดานักบวช บวชมุ่งประโยชน์อย่างนั้นด้วยกันทั้งนั้นหรือ”
น: “หามิได้ บางพวกบวชเพื่อจะหนีพระเจ้าแผ่นดินหรือหนีโจร
บางพวกบวชเพราะกลัวภัย ขอถวายพระพร แต่บางพวกบวชดีด้วยมุ่งประโยชน์อย่างนั้น”
ม: “ก็ตัวเธอเล่า บวชมุ่งประโยชน์อย่างนั้นหรือ”
น: “ขอถวายพระพร อาตมภาพบวชแต่ยังเป็นเด็ก ยังไม่ทราบว่าการบวชเพื่อประโยชน์อย่างนั้น เพียงแต่มีความคิดในขณะนั้นว่า พระสมณของสากยบุตร (พระพุทธเจ้า) เป็นผู้มีปัญญา ท่านก็คงจะให้ศึกษาตาม เมื่อได้เล่าเรียนศึกษาตามท่านตามปัญญาแล้ว ต่อมาจึงทราบจุดประสงค์ของการบวชว่า การบวชนี้มีประโยชน์อย่างนั้น”
ม: “เธอว่านี้ฉลาดจริง”
จบปัพพชาปัญหา